Sponsor's Link

วันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2557

โรงงานผลิตไส้กรอกโยนหมูทั้งตัวเข้าเครื่องบด

เนื้อหาที่ส่งต่อ ๆ กันมา / พบตามสื่อสังคมออนไล์ (social media)

เนื้อจะประมาณด้านล่างครับ อาจจะมีการปรับแต่งกันเล็ก ๆ น้อย ๆ

ดูแล้วต้องเปลี่ยนใจเลิกกินไส้กรอกครับ
คลิปนี้เป็นวีดีโอถ่ายในโรงงานผลิตไส้กรอกยี่ห้อ  John Morrell
ใช้วิธีโยนหมูทั้งตัวเข้าเครื่องบดจนละเอียด.................

คลิบนี้ทำลายอุตสาหกรรม ไส้กรอก ของทุกประเทศโดยเฉพาะที่เยอรมัน
คนเลิกกินเป็นจำนวนมากเกือบ50%แล้ว


หรือ

คลิปนี้เป็นวีดีโอถ่ายในโรงงานผลิตไส้กรอกโยนหมูทั้งตัวเข้าเครื่องบดจนละเอียด

จากนั้นก็จะมีลิงก์เพื่อเข้าไปดูวิดีโอ
http://mp.weixin.qq.com/s?__biz=MjM5ODA4MjM4MQ==&mid=200059303&idx=1&sn=d48d5ca98a14a01b9ca00395e4c07ca1&from=timeline&isappinstalled=0#rd


ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการชำแหละเนื้อสุกร
1. โรงฆ่าสัตว์โดยทั่วไปจะเอาเลือดออกให้หมด แยกเครื่องในออกออกมา แม้แต่ลำไส้ที่แน่นอนว่าต้องมีของเสีย (อุจจาระที่สุกรยังไม่ถ่ายออกมา) ก็ต้องแยกออกมาก่อน
2. โดยทั่วไป การฆ่าสุกรแต่ละตัว โรงเชือดจะตัดเอาส่วนดีๆแพงๆไปขายก่อน เศษเนื้อที่เหลือจึงจะเอามาทำอย่างอื่น เช่น ไส้กรอก ซีโครงต้มซุป เครื่องในต่าง ๆ
3. กระดูกทั้งตัวมันละเอียดเนียนเป็นไส้กรอกไม่ได้แน่นอน เอาเป็นว่า ตั้งแต่ที่พวกเรากินใส้กรอกกันมา ลิ้นเราสัมผัสเจอกระดูกป่นบ้างมั้ยละครับ (ขนาดปลาป่นเรายังรู้สึกถึงความสาก กระดูกหมูป่นจะไม่รู้สึกเลยเชียวหรือ)
4. อวัยวะต่างๆของสุกร มีความแตกต่างกันแทบทุกส่วน ทั้งสี ความเหนียวและรสชาติ หากต้องการจะนำมารวมให้เป็นเนื้อเดียวกันแถมยังต้องอร่อยอีก ต้องมีสัดส่วนที่เหมาะสมใช้วิธีการแยกส่วนครับใช้เนื้อส่วนไหน ในอัตราเท่าไหร่ ก็ว่ากันไป
5. ในการทำไส้กรอกแต่ละชนิด มีสัดส่วนระหว่างเนื้อสุกรและไขมันในอัตราส่วนที่ต่างกันไป และสัดส่วนที่คงตัวจึงจะมีรสชาติแบบคงตัว
6. ในบริบทของต่างประเทศ

จุดเริ่มต้นของเนื้อหานี้
เริ่มต้นน่าจะมาจากวิดีโอสารคดีชุด How It's Made เรื่อง Hot Dogs ที่มีการนำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับขั้นตอนการผลิตไส้กรอกในปี ค.ศ. 2008



อย่างไรก็ดี เนื้อหาแบบเดียวกันก็ยังมีผู้นำมาอับโหลดใน Youtube อีกหลายครั้ง และยังมีเนื้อหาแบบย่อด้วย เช่น



ในช่วงเวลาใกล้กัน ก็เริ่มมีการนำเสนอเนือหาวิดีโอเกี่ยวกับเครื่องทำลายซากสัตว์ เช่น



และยังแแบบอื่น ๆ เช่น



ที่จริงมีวิดีโอนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับเครื่องบดทำลายซากสัตว์มาตั้งแต่ปี 2009 แต่ยังหาไม่พบใน Youtube ในช่วงเวลาที่ว่านี้ อย่างไรก็ดี สำหรับในบริบทต่างประเทศแล้ว เวลาสัตว์ตายในฟาร์มก็จะมีคนมาเก็บไปครับแล้วนำมาทำลาย โดยหลังจากนั้นอาจจะนำไปทำเป็นอาหารสัตว์บ้าง ปุ๋ยบ้าง

วิดีโอลูกผสม (การตัดต่อเรื่องขึ้นใหม่)
มีคลิปวิดีที่มีลักษณะเอาเนื้อหาตามที่กล่าวมาข้างต้นมาผสมกัน มีอยู่หลายเวอร์ชั่น หลักๆแล้วจะต่างกันตอนเริ่มต้น แต่หลังจากนั้นจะเหมือน ๆ กัน เช่น

เวอร์ชั่น ลูกผสม 1



เวอร์ชั่น ลูกผสม 2



แถมยังมีเผยแพร่กันใน http://www.liveleak.com/view?i=60a_1381715777 ด้วย

เวอร์ชั่น ลูกผสม 3 มีการผสมปลาเข้าไปด้วย



เวอร์ชั่น ลูกผสม 4 อย่างยาว ๆ ตามที่แชร์กันทั่วไปในเมืองไทย

http://mp.weixin.qq.com/s?__biz=MjM5ODA4MjM4MQ%3D%3D&mid=200059303&idx=1&sn=d48d5ca98a14a01b9ca00395e4c07ca1

เวอร์ชั่น ลูกผสม 5 แบบตั้งใจล้อเลียน


สรุป
เป็นการตัดต่อคลิปวิดีโอดีๆนี่เอง ไม่เป็นความจริงเลยที่จะผลิตไส้กรอกโดยโยนหมูทั้งตัวเข้าเรื่องบด

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
http://www.pla-tu.com/Lifestyle/platutalk/June-2014/Online-Danger.aspx
http://robert-lindsay.blogspot.com/2009/10/four-animals-one-grinder.html
http://www.youtube.com/watch?v=sbzavAN2Bgw
http://www.youtube.com/watch?v=Y-nqnhc2Txg


วันพฤหัสบดีที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2557

โจรแจกพวงกุญแจฝังชิพเพื่อติดตามเรา

เนื้อหาที่ส่งต่อ ๆ กันมา / พบตามสื่อสังคมออนไล์ (social media)
เวอร์ชันภาษาไทย
เท่าที่หาข้อมูลตามเว็บไซต์ต่าง ๆ แล้ว เริ่มส่งต่อ ๆ กันประมาณต้นสิงหาคม พ.ศ. 2557 มีการส่งต่อตามอีเมล์หรือแชร์กัน ข้อความเหมือนกันทุกที่คือ
คำเตือนด่วนที่สุด อาจจะมีคนนำพวงกุญแจที่ทำอย่างสวยงามมาแจกฟรีให้คนตามสถานที่สาธารณะ เช่น  สนามบิน ปั้มน้ำมัน อย่ารับแจกเป็นอันขาด เพราะในของที่แจกมันจะฝังเครื่องมือหรือชิปเล็กๆไว้ เมื่อไหร่ที่เราเอาไปใช้ มันจะบอกสถานที่ๆ เราจอดรถไว้หรือตามเราไปถึงบ้านได้ทันที อันตรายมาก ช่วยส่งต่อเรื่องนี้ให้เพื่อนและคนรู้จักโดยด่วน

เวอร์ชันภาษาอังกฤษ
ที่คล้าย ๆ กัน พบครั้งแรกในปี กันยายน ค.ศ. 2008 จากนั้นก็มีเวอร์ชั่นใหม่ ๆ ใน กันยายน ค.ศ. 2010 และธันวาคม ค.ศ. 2012 มีรูปภาพประกอบเสร็จสรรพ จากนั้นคนไทย (บางคน) เอามาแปลแล้วแชร์กัน เนื้อหาแบบฝรั่งแต่ละเวอร์ชัน มีดังนี้ครับ

เวอร์ชั่นเดือนธันวาคม ค.ศ. 2012:
เวอร์ชันนี้ไม่มีรูปประกอบใดๆ มีแต่ข้อความล้วน ๆ เนื้อหาคือ

Subject: Security Alert
Information reaching Police indicates that: There is a syndicate of criminals selling beautiful key holders at Service Stations. They sometimes parade themselves as sales promoters giving out free key holders.
Please do not buy or accept these key holders no matter how beautiful they look. The key holders have inbuilt tracking device chip which allows them to track you to your home or wherever your car is parked. The key holders are very beautiful to resist. Accepting same may endanger your life.
All are therefore enjoined to pass this message onward to colleagues, family members and loved ones. Alert everyone in your clique, including Drivers, Domestic staff etc




เวอร์ชั่นเดือนกันยายน ค.ศ. 2010:
เวอร์ชั่นนี้มีรูปประกอบโดยอ้างว่าได้แกะพวงกุญแจที่รับแจกจากปั๊มน้ำมันแล้วเจอชิพ (ซึ่งก็แค่วงจรไฟกระพริบธรรมดา) เนื้อหาคือ

Subject: FW: PICS OF KEY HOLDERS BEING DISTRIBUTED DO NOT ACCEPT PEOPLE!!!
Here are pictures of the key-holders that are being distributed
Good day
Please do not accept FREE KEY HOLDERS at service stations, it has a tracker device in it by which you can be followed. Please send to as many people as possible.

SA POLICE
See pics attached

เวอร์ชั่นเดือนกันยายน ค.ศ. 2008:
เวอร์ชั่นนี้มีรูปประกอบโดยอ้างว่าได้ลองทำให้พวงกุญแจแตกและพบซิมการ์ดที่ทำงานจากแสงอาทิตย์ เนื้อหาคือ

Subject: Warning this is for real don't take KEYRING from petrol attendance
This happened yesterday to André:
He went to fill his vehicle, and the petrol attendant handed him a free key holder. When he arrived at work, he noticed something strange about the key holder. A little copper plate was noticeable.
A sticker was on the key holder, and when he removed the sticker, a type of sim card was visible. He broke the key holder open, and inside was a small tracker working with sun power. He took it to the police, who told him that they know all about it. The criminals hand them out, follow you home and then hit. PLEASE BE EXTRA CAREFUL.BE SAFE.
My son got one of these over the weekend. After this e-mail he stripped it and found it equipped with solar panel, antenna the works!
Attached a couple of cell phone pictures.





ข้อเท็จจริง
  • ในปีค.ศ. 2008 มีการแจกพวงกุณแจฟรีจริงที่ปั๊มพ์น้ำมันคาลเท็กซ์ ในแอฟริกาใต้ซึ่งไม่ใช่พวงกุญแจที่มีอันตรายและไม่ได้ฝังชิพหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับติดตาม เป็นแค่วงจรไฟกระพริบธรรมดา (ตามที่เรามักได้รับแจกหรือที่เรามักพบตามของเล่นเด็ก)
  • จากสถิติที่ผ่านมาพบว่า รถมันหายเพราะการจอดรถในที่เปลี่ยวหรือจอดทิ้งไว้ตามถนนซึ่งเป็นที่สุ่มเสี่ยงต่อการถูกขโมย  และแม้รถที่จอดไว้ที่ลานจอดรถตามสถานที่ต่างๆถูกขโมยอยู่ในอันดับต้น ๆ ทั้งนั้น
  • ลองจินตนาการว่า ถ้าเราจะขโมยรถ เราจะทำอย่างไรก่อน สำหรับผมแล้วก็แค่เลือกยี่ห้อและรุ่นที่ต้องการ จากนั้นไปด้อมๆมองๆหาตามลานจอดรถ เพียงเท่านี้ก็ได้รถที่หมายปองแล้ว เพราะลานจอดรถมีมีรถมากมายให้เลือดสรรค์ ไม่จำเป็นต้องลงทุนทำอุปกรณ์ติดตามใด ๆ 
  • จากสถิติการถูกทำร้ายร่างกาย ผู้ร้ายจะดักเหยื่อตามที่เปลี่ยวหรือลับตาคน เรายังไม่เคยได้ยินว่าเขาใช้วิธีติดตามด้วยอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ใด ๆ
  • การทำพวงกุญแจฝังชิพที่มีขนาดเล็กและใช้ติดตามการเดินทางได้ ราคาคงไม่น่าจะถูกจนสามารถทำแจกได้ และไม่มีความจำเป็นต้องทำ

จุดเริ่มต้นของเนื้อหานี้
สำหรับเมืองนอก ก็คงอยากสร้างเรื่องหลอกลวงหรือกลั่นแกล้งบริษัทน้ำมัน แต่สำหรับคนไทยแล้วคือ ขี้เกียจคิดแม้แต่จะสร้างเรื่องหลอกลวงมาสร้างกระแสก็ยังต้องแปลเรื่องหลอกของฝรั่ง คิดเองไม่เป็น

ข้อสรุป
เรื่องโจรแจกพวงกุญแจฝังชิพเพื่อติดตามเราเป็นเรื่องโกหก

วิดีโอหลอกลวง
อับโหลดไว้ตั้งแต่ปี 2008 สังเกตว่าคนให้ความสนใจคอมเมนต์น้อยมาก ผู้โพสต์อ้างว่าเป็นพวงกุญแจที่ใช้สำหรับติดตามเรา





วันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

กินทุเรียนกับน้ำอัดลม อันตรายเท่าพิษงูเห่า

เนื้อหาที่ส่งต่อ ๆ กันมา / พบตามสื่อสังคมออนไล์ (social media)

เวอร์ชันภาษาไทย
เท่าที่หาข้อมูลตามเว็บไซต์ต่าง ๆ เก่าสุดก็ประมาณ ตุลาคม พ.ศ. 2556 ไม่พ้นแนวนี้ครับ

กินทุเรียนกับน้ำอัดลม อันตรายเท่าพิษงูเห่า

มีนักท่องเที่ยวชาวจีนวัยเพียง 28 ปีรายหนึ่ง ตอนมาเที่ยวเมืองไทยได้รับประทานทุเรียนไปจำนวนมากหลังจากนั้นก็ดื่มน้ำอัดลม สารคาเฟอีนในน้ำอัดลมก่อให้เกิดความดันโลหิตสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้หัวใจวายอย่างเฉียบพลัน
ประเทศไทยได้ออกกฎอย่างชัดเจนไว้ว่า ภายใน 8 ชั่วโมงหลังจากการรับประทานทุเรียนเป็นจำนวนมาก ห้ามดื่มน้ำอัดลมเป็นอันขาด!!

ทุเรียนก่อให้เกิดแก๊สในกระเพาะสูงเลยทีเดียว

เวอร์ชันภาษาอังกฤษ
ที่คล้าย ๆ กัน พบครั้งแรกในปี กันยายน ค.ศ.2013 อันนี้ไม่แน่ใจว่าฝรั่งเริ่มก่อนหรือคนไทยเริ่มก่อน เนื้อหาแบบนี้

Eat Durian then drink Coke = cobra poison!!
Durian lovers, beware!!
Lethal dosage: durians + coke.
Eat Durian then drink Coke is "cobra poison"!!
Another tourist died in a foreign land...... 
a 28 years old Chinese tourist travelling in Thailand, ate a lot of durian ... then drank a can of Coke, suffered caffeine intoxication caused by the surge in blood pressure, the results lead to his sudden cardiac death .
Thailand has clearly defined, after eating a lot of durian, within 8 hours DO NOT DRINK COKE!!

นอกจากนี้ ยังมีเนื้อหาแบบเดียวกัน แต่เปลี่ยนทุเรียนเป็นนมสด / มะเขือยาว (พันธุ์สีม่วง) ดังนี้

A Chinese tourism in Thailand, after eating lots of fruit and drink milk, lead poisoning, blood pressure, as a result of sudden cardiac death, only 28 years old, Thailand has clearly defined, eat a lot of durian, 8 hours is not drink milk products!
There are eating durian cannot drink! Can't drink coke, eat eggplant! The content of experience for reference only, if you need to solve specific problems (especially in law, medicine and other fields), suggest you detailed consultation with experts in related fields. Report


ข้อเท็จจริง
  • หมอมักห้ามหรือเตือนผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคความดัน โรคหัวใจ ให้เลี่ยงการกินทุเรียนและน้ำอัดลมด้วยเหตุผลด้านปริมาณน้ำตาล และทั้งสองก็เป็นสิ่งที่หาซื้อได้ง่าย และแน่นอนว่าหมอจะห้ามกินอาหารอื่น ๆ ที่มีน้ำตาลสูงด้วย เช่น ลำไย เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ มันจึงเป็นคนละประเด็นกับการกินพร้อมกัน
  • เมื่อเรากินอาหารที่มีน้ำตาลสูง ร่างกายก็ยิ่งต้องเผาผลาญมาก ทำให้เกิดความร้อนในร่างกายสูงตามมา หรือระบบย่อยอาหารทำงานหนักมาก เมื่อกินทุเรียนมากก็จะเกิดผลต่อร่างกายตามที่กล่าวมา
  • ทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง ชนิดที่ว่ากินแค่ 2 – 3 พลู (หรือ 4 – 6 เม็ด) จะให้พลังงานสูงถึง 400 กิโลแคลอรี ซึ่งจะเทียบเท่ากับน้ำอัดลม 2 กระป๋อง หรือเท่ากับกินข้าว 5 ทัพพี 
  • เราเคยได้ยินข่าวว่ามีคนตายเพราะกินทุเรียนกับโค้กจริง ๆ หรือไม่ เราเคยได้ยินแต่มีคนกินทุเรียนพร้อมกับสุราแล้วเสียชีวิต ที่สำคัญ เราเคยได้ยินประกาศกฎว่าห้ามดื่มน้ำอัดลมหลังการกินทุเรียนเมื่อไหร่กัน แม้แต่เว็บไซต์กระทรวงสาธารณะสุขก็ยังไม่มีประกาศนี้
  • การเสียชีวิตเพราะการกินทุเรียนไม่ได้มาจากการที่อาหารมันทำปฏิกิริยาทางเคมีจนได้สารพิษร้ายแรงเท่าพิษงูเห่าอย่างที่เข้าใจกัน แต่มันจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเรากินมากเกินไปแล้วร่างกายต้องทำงานอย่างหนักไปกับการเผาผลาญและมีระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงเกินไปจนร่างกายทำงานผิดปกติ และหากยังกินอาหารอื่นที่มีน้ำตาลสูงร่วมด้วยเข้าไปอีก (เช่น ลำไย น้ำอัดลม สุรา) ก็ยิ่งไปซ้ำเติมร่างกายเข้าไปอีก (เหมือนเราง่วงนอนหลังกินข้าวอิ่ม แต่มันเป็นอาการที่รุนแรงกว่า)
  • คนที่กินทุเรียนแล้วดื่มสุราไปพร้อม ๆ กัน ก็มักจะเมาจนไม่ได้สติ หรือเมาแล้วนอนหลับ แต่ระบบเผาผลาญมันร่างกายยังทำงาน ร่างกายจึงเสี่ยงอยู่ในภาวะขาดน้ำอย่างรุนแรง (ก็ไม่ได้ตื่นมากินน้ำตามเพราะความเมา) นอกจากนี้ ขณะเมาเหล้า อวัยวะต่างๆในร่างกายก็จะทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ การเสียชีวิตก็มาจากเพราะภาวะขาดน้ำรุนแรงจนร่างกายทำงานผิดปกติ

จุดเริ่มต้นของเนื้อหานี้
บ้างก็ว่าเป็นแค่แชร์มั่วๆของคนจีน เอาไปหลอกคนที่จะมาเที่ยวไทยครับ โดยอ้างว่ามีการประกาศเตือนจากประเทศไทย บ้างก็ว่าเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นหรือความเชื่อในท้องถิ่นแถบเอเซียใต้ แต่ส่วนผมแล้ว ผมวิเคราะห์ไม่ออกเลยจริงๆว่ามันจะมีที่มาที่ไปอย่างไร เนื้อหานี้เพิ่งเห็นการส่งต่อๆกันมาไม่นานเท่าไหร่ อาจจะไม่อยากให้ฝรั่งเอาทุเรียนมากินในห้องพัก (เพราะมักมีน้ำอัดลมแช่อยู่ในตู้เย็นอยู่แล้ว) หรือไม่ก็หวังดีกลัวคนไทยเป็นโรคเบาหวาน หรืออาจจะกลัวทุเรียนกับโค้กขายดีเกินไป ลองเอาไปคิดกันต่อก็แล้วกันครับ

ข้อสรุป
อาหารที่มีปริมาณน้ำตาลสูงและกินทีเดียวมาก ๆ ล้วนทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงและนำมาซึ่งความผิดปกติของร่างกาย ดังนั้น การกินทุเรียนพร้อมกับน้ำอัดลมในปริมาณเล็กน้อย หรือแม้แต่กินทุเรียนพร้อมกับเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในปริมาณที่เล็กน้อย ต่างก็ไม่เกิดก่อให้เกิดความดันโลหิตสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว หรือก่อเป็นสารพิษแบบพิษงูเห่า

วิดีโอสาธิตว่ากินแล้วไม่ตาย



แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
http://en.wikipedia.org/wiki/Durian
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNE16WXlNamd5Tnc9PQ
http://www.manager.co.th/qol/ViewNews.aspx?NewsID=9570000051571
http://www.youtube.com/watch?v=y49GhIRus3w





วันอาทิตย์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

มะนาว + โซดา = ยาฆ่ามะเร็ง

เนื้อหาที่ส่งต่อ ๆ กันมา / พบตามสื่อสังคมออนไล์ (social media)
เนื้อหาที่พบตามสื่อสังคมออนไลน์ เว็บบอร์ด และการส่งต่อในอีเมล์ก็จะประมาณนี้ครับ

เวอร์ชั่นไทย



มะนาว+โซดา ฆ่าเซลมะเร็งได้

เห็นว่าหลายๆ คนหลายๆ ครอบครัวที่ต้องเสียชีวิตเนื่องจากมะเร็งกันเยอะ พอดีมีโอกาศได้ข้อมูลนี้มา ลองอ่านๆกันดูละกัน

สำหรับผม ไม่มีอะไรจะเสียนะ มะนาวหาได้ง่ายตามตลาดทั่วไป โซดาจะสิงห์+ช้าง เลือกเอาตามสะดวกเลย 

มะนาว +โซดา ?
มะนาว เลือกลูกเขียวๆ ใช้จำนวน 2 ลูก + โซดา 1ขวด 

สรรพคุณ 
สามารถฆ่าเซลมะเร็งได้ผลกว่าการ คลีโมฯ 10,000 เท่าอ่านว่า หนึ่งหมื่นเท่า ..... 

วิธีกิน 
กินเช้า เย็น หรือ เช้า กลางวัน และ เย็น ก็ได้


การกินมะนาว+โซดา ไม่มีผลเสียอะไรต่อร่างกายทั้งสิ้น การคลีโมฯ ยังมีผลทำให้่เซลดีๆของร่างกายต้องตายไปด้วย แต่การใช้ น้ำมะนาว + โซดาจะฆ่าเซลมะเร็งพวกนี้ได้ 100% 

แล้วทำไมถึงไม่มีการเผยแพร่ออกมา
ตอบแบบง่ายๆ ถ้าแพร่ออกมา อย่างเป็นทางการ บริษัทยาทั่วโลกก็เจ๊งชัยนี่คือความเลวทรามของมนุษย์ที่เอาเปรียบมนุษย์ด้วยกัน 

วิธีนี้ถูกค้นพบนานแล้ว แต่ถูกปกปิดเอาไว้ ไม่ให้ผลรายงานนี้ออกมาสู่สาธารณะ

สรรพคุณของมะนาวไปอ่านกันเองเลย http://........

ทำไมต้องโซดา?

ใช้ผสมกับน้ำก็ได้แต่จะได้ผลช้า แต่ถ้าใช้กับโซดามันจะเหมือนๆกับเครื่องยนต์ เวลาติดเทอร์โบจะได้ผลเร็วและรุนแรงกว่ามาก


วิธีรักษามะเร็งแบบได้ผลแถมต้นทุนประหยัดแบบสุดๆแบบนี้ ใครมีคนรู้จักเป็นมะเร็งอยู่ ให้เอาไปบอกบุญกันได้ 

เวอร์ชั่นอังกฤษ
จะพบตามเนื้อหาเว็บบอร์ดต่างประเทศ รวมทั้งอีเมล์ ในลักษณะนี้



Miraculous healing combination: EFFECT 10,000 times stronger than chemotherapy!
Why did not we know about this miraculous cure and why we still didn’t try it? Because there are organizations that have an interest, common people not to know about the miraculous healing properties of the combination of lemon and baking soda (sodium bicarbonate). Therefore, from now onwards, spread the words about this simple but amazing cure to the people that really needs it!

Many people die while this secret is jealously kept in order to not affect the interests of the large corporations.

Lemon has strong anti-carcinogenic properties that are already been proven. Beside that it has many other useful features. It has a very strong effect over cysts and tumors. This fruit can cure cancer, it is tested on all types of cancer, and if baking soda is added it will have even bigger effect, because it will normalize the pH value in the body.
Also lemons have very strong anti-microbial effect with very wide range of activity against fungal and bacterial infections. Lemons are effective against worms and internal parasites. It is a powerful antidepressant and regulates the blood pressure, reduces stress and calms the nerves.

An interesting fact is the source of this information: It comes from one of the largest producers of medications, which says that after 20 laboratory tests conducted since 1970 until now it has been proved that: Lemon destroys carcinogenic cells in 12 forms of cancer. Also it prevents the spread of carcinogenic cells and has 10,000 times stronger effect than medications such as chemotherapy, anticancer drugs and narcotic products.

Even more interesting is the fact that this kind of treatment with baking soda and lemon only destroys the carcinogenic cells and does not affect the healthy cells.

The preparation is very simple, mix 2 dL (aprox. 6.8 oz) lemon juice with one teaspoon of baking soda in a cup, optional you can diluted the mixture with a distilled water and the miraculous drink is ready! Consume the drink before breakfast on a empty stomach for better effect. To have even bigger effect it is best to use organic lemon. Organic lemon is 100 times more efficient than lemon grown with artificial fertilizers and sprayed with chemicals.

Also an interesting fact is that this remedy does not have the terrible side effects that are typical for the chemotherapy.

Source:
Instituto de Ciencias de la Salud, L. L. C. 819 N. Charles Street Baltimore, MD 1201

ข้อเท็จจริงเรื่องโซดา
เนื้อหาไทยกับอังกฤษนั้น คนละเรื่องเดียวกัน และต่างกันแบบสุดขั้วในทางเคมี กล่าวคือ

  • น้ำโซดาตามเนื้อหาภาษาไทยจะหมายถึงน้ำโซดาที่เป็นขวดที่ใช้ผสมเครื่องดื่มให้ซ่า ๆ นั้น (soda water หรือ carbonated water) มีชื่อทางเคมีว่าไฮโดรเจนคาร์บอเนต (hydrogen carbonate) หรือกรดคาร์บอนนิค (carbonic acid) มีสูตรเคมีเป็น H2CO3 มีส่วนผสมจาก น้ำ (H2O) ที่มีแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ละลายและอัดไว้ในขวด ซึ่งถือว่ามีความเป็นกรด
  • โซดาตามเนื้อหาภาษาอังกฤษจะหมายถึงโซดาทำขนมมักเรียกง่าย ๆว่าเบคกิ้งโซดา (baking soda) บางที่ใช้แทนผงฟูในการทำอาหาร มีชื่อทางเคมีว่า โซเดียมไบคาร์บอเนต (sodium bicarbonate) หรือโซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนต (sodium hydrogen carbonate) ซึ่งมีสูตรทางเคมีเป็น NaCO3 เบคกิ้งโซดานี้จะมีค่า pH ประมาณ 8.5-9.0 ซึ่งถือว่ามีความเป็นด่างสูง

ข้อเท็จจริงเรื่องมะนาว
เนื้อหาไทยกับอังกฤษนั้นเรื่องเดียวกันอยู่ และมันบริบทแวดล้อมคนละที่

- มะนาวเนื้อหาภาษาอังกฤษ มันคือมะนาวพันธู์พื้นบ้านทางตะวันตก ลูกใหญ่แบบมะนาวยักษ์หรือมะนาวพม่า ที่เมืองไทยไม่ค่อยนิยมกินกัน
- มะนาวเนื้อหาภาษาไทย มันคือมะนาวแป้น เป็นองค์ประกอบทางทางยาสมุนไพรไทยหลายขนาน รสชาติเปรี้ยวก็คนละแบบกับพันธุ์อื่น ๆ แต่รสชาติถูกใจคนไทย
- มะนาวแม้ว่าจะมีรสเปรี้ยวจี๊ด เป็นกรด แต่เมือกินเป็นอาหาร เมื่อร่างกายรับเข้าไปแล้วจะเกิดสภาวะเป็นด่าง

ข้อเท็จจริงเรื่องการรักษามะเร็งด้วยมะนาวและโซดา
โรคร้ายแรงทั้งหลายเกิดจากความไม่สมดุลของค่า pH ในเลือดหรือในบริเวณรอบๆ เซลล์ที่เกิดปัญหา และทฤษฎีเกี่ยวกับการรักษาด้วยการปรับค่า pH เช่น
  • เซลล์มะเร็งมีสภาพเป็นกรดและเจริญเติบโตได้ดีในภาวะร่างกายที่เป็นกรด
  • มีแนวคิดทฤษฎีการบำบัดรักษาโรคมะเร็งทางเลือกด้วยการบริโภคอาหารที่เป็นด่าง (Alkaline Diets) พูดง่าย ๆ คือ กินอาหารที่มีสภาวะเป็นด่างเพื่อต้านมะเร็ง
  • น.พ.กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีงานวิจัยใดรับรองถึงคุณสมบัติของมะนาวและโซดาว่ารักษามะเร็งให้หายได้ เพียงแต่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระโดยเฉพาะจากเซลล์มะเร็งได้ แต่ไม่เหมือนกับเคมีบำบัดแน่นอนไม่เช่นนั้นมหาวิทยาลัยแพทย์คงใช้กันทุกที่ คุณสมบัติที่พบมีแต่เพียงอ้างอิงถึงประโยชน์ในการล้างพิษหรือดีท็อกซ์ และแนะนำว่า น้ำมะมาวจะคล้ายยาขับปัสสาวะอ่อน ทั้งยังช่วยกระตุ้นตับและถุงน้ำดีให้บีบตัว หลายคนจึงใช้สำหรับการล้างพิษหรือดีท็อกซ์ แต่สิ่งที่พึงระวังคือ ทั้งโซดาและมะนาวมีฤทธิ์เป็นกรด จึงไม่ควรดื่มในรายที่เป็นโรคกระเพาะ กรดไหลย้อน เพราะอาจระคายทางเดินอาหาร และไม่ควรดื่มขณะท้องว่าง หรือทุกมื้อ ทุกวัน แต่ควรจัดเวลาดื่มเป็นครั้งคราว และที่สำคัญ สูตรนี้ไม่ใช่ของอายุรวัฒน์แน่นอน
จุดเริ่มต้นของเนื้อหานี้
แนวคิดเกี่ยวกับการรักษามะเร็งด้วยการกินมะนาวผสมโซดานี้น่าจะมาจาก
  • คนที่คิดค้นเรื่องเอาเบคกิ้งโวดามารักษามะเร็งคนแรกคือ นายแพทย์ Tullio Simonchini ที่อิตาลี เผยแพร่มาตั้งแต่เมื่อประมาณปี 2006
  • เคยมีข่าวเมื่อกลางปี 2012 (พ.ศ. 2555)  ที่สหรัฐอเมริกา โดยนายแพทย์ มาร์ค เซอร์คัส (Mark Sircus) ได้รับทุน 2 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา ให้ทำการศึกษาถึงผลของการใช้เบคกิ้งโซดา (baking soda) ซึ่งมีสภาวะความเป็นด่างสูง (ตรงข้ามกับน้ำโซดาในขวดสิ้นเชิง) ในการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง โดยศึกษาบนการตั้งสมมติฐานว่า ถ้าเซลล์มะเร็งมีสภาพเป็นกรดและเจริญเติบโตได้ดีในภาวะร่างกายที่เป็นกรด ดังนั้น การใช้เบคกิ้งโซดาซึ่งมีความเป็นด่างสูงเข้าไปเพื่อทำลายเซลล์มะเร็งจึงเป็นสิ่งที่เป็นไปได้
  • ผลการศึกษาของนายแพทย์ มาร์ค เซอร์คัส ท่านได้ย้ำว่า การใช้เบคกิ้งโซดาในการรักษานี้ หากเป็นไปได้จริง มีข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์และทางการแพทย์รองรับ และได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการจากองค์การอนามัยโลกแล้ว แต่ถึงกระนั้น มันก็จะเป็นเพียงการรักษาเสริมเท่านั้น ไม่ใช่แนวทางในการรักษาการรักษาหลัก โรคมะเร็งตามแผนปัจจุบันหลักๆ ยังคงเป็น การผ่าตัด ให้คีโม ฉายแสง ยา ฯลฯ ดังนั้น การจะใช้วิธีบริโภคเบคกิ้งโซดานี้ก็จะต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ มีการตรวจร่างกาย วัดสภาวะความเป็นกรดด่างอะไรต่างๆ มากมายกว่าหมอท่านจะสั่งทำการรักษาได้ และต้องมีกำหนดวิธี ความถี่ห่างในการรับและปริมาณในการรับด้วย  ไม่ใช่อยู่ๆ คนไข้โรคมะเร็งจะไปหาซื้อโซดาทำขนมจากร้านค้าทั่วไปแล้วเอามาชงน้ำกินเองได้

โดยสรุป

มะนาว
  • การบริโภคมะนาวตามทฤษฎี Alkaline Diets นั้น เป็นไปได้เพื่อปรับค่า pH ในร่างกาย แต่ไม่ใช่เป็นการใช้ความเป็นกรดของมะนาวมาฆ่าเซลล์มะเร็งอย่างที่กล่าวอ้างกัน
  • ถ้าจะกินอาหารตามทฤษฎี Alkaline Diets นั้น มีเยอะแยะ ไม่ใช่แค่มะนาวครับ (หาตาม google ก็ไม่น่าจะหายาก)
โซดาทำขนม
  • การบริโภค baking soda ต้องอยู่ในการควบคุมดูแลของแพทย์ ไม่ใช่เดินไปซุปเปอร์มาเก็ตแล้วก็ซื้อมาชงเองตามใจฉัน
  • คนละตัวกับผงฟูนะครับ
น้ำโซดา
  • ผลการกินน้ำโซดาเกือบไม่ต่างจากการกินน้ำอัดลม ใครเป็นโรคกระเพาะ พึงระวัง เพราะมันมีความเป็นกรด
  • การบริโภคน้ำโซดา ยิ่งส่งเสริมการเติบโตเชื้อมะเร็งอย่างเห็นได้ชัด (ก็มันเป็นกรด เนื้อหาภาษาไทย มั่วตั้งแต่แปลแล้ว) 

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

http://en.wikipedia.org/wiki/Carbonic_acid
http://en.wikipedia.org/wiki/Carbonated_water
http://th.wikipedia.org/wiki/กรดคาร์บอนิก
http://en.wikipedia.org/wiki/Sodium_bicarbonate
http://th.wikipedia.org/wiki/ผงฟู
http://news.mthai.com/general-news/255053.html
http://www.hoax-slayer.com/lemon-cancer-cells.shtml
http://en.wikipedia.org/wiki/Tullio_Simoncini
http://drsircus.com/medicine/sodium-bicarbonate-baking-soda/cancer-studies-ph-medicine
http://scienceblog.cancerresearchuk.org/2013/09/13/miracle-cancer-cures-ask-for-evidence
http://drleonardcoldwell.com/2013/11/01/stage-4-cancer-gone-with-baking-soda-treatment/comment-page-1

วันเสาร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ฉี่หนูจากกระป๋องน้ำอัดลม

เนื้อหาที่ส่งต่อ ๆ กันมา / พบตามสื่อสังคมออนไล์ (social media)
เนื้อหาโดยทั่วไปประมาณด้านล่าง บางอีเมล์มีระบุว่า ต้องไปบางโรงพยาบาลเท่านั้น บางอีเมล์ก็ถึงขนาดระบุยี่ห้อน้ำอัดลมเลย หรืออ้างชื่อหน่วยงานของรัฐเลยก็มี

เตือนเพื่อนๆ อย่าลืม ! เช็ด ฝากระป๋องน้ำอัดลม ก่อนดื่ม !

เพื่อนคนหนึ่งเป็นคนระยองเดินทางไปเยี่ยมญาติป่วยที่โรงพยาบาลจันทบุรี
ด้วยความหิวน้ำจึงได้ซื้อน้ำอัดลม (ยี่ห้อหนึ่ง) มากินดับกระหาย และเมื่อเดินทางกลับบ้านที่ระยอง
ตกกลางคืนจู่ๆก็มีไข้แล้วชัก ภรรยานำส่งโรงพยาบาลระยอง นอนอยู่สามวันหมอหาสาเหตุไม่พบ
มีอาการไม่รู้ตัว ตาถลน ญาติจึงนำเข้าโรงพยาบาลทที่กรุงเทพเพราะสงสัยเป็นโรคฉี่หนู
ปรากฏเป็นเช่นนั้นจริงๆ นอนไม่รู้ตัวอยู่ สองอาทิตย์หลังจากนั้นค่อยดี ขึ้น
รักษาตัวอยู่หนึ่งเดือนครึ่ง หมดค่ารักษาแปดแสนกว่า แต่ความจำเสื่อม ตอนนี้ก็อยู่ในระหว่างฟื้นฟูความจำ พูดจาวกวน

*เพื่อนคนหนึ่งของครอบครัวได้เสียชีวิต หลังจากดื่มโซดากระป๋องโดยไม่ได้ล้างฝากระป๋องก่อนดื่ม!
ปรากฎว่าที่ ฝากระป๋องเต็มไปด้วยฉี่หนูที่แห้งแล้วและเป็นพิษซึ่งมีอันตรายร้ายแรงถึงชีวิต!

*เครื่องดื่มกระป๋องและอาหารกระป๋อง มักถูกเก็บไว้ในโกดังเก็บของและตู้ container
ซึ่งมีหนูเข้ามาอยู่เต็มไปหมด และของเหล่านี้ก็จะถูกส่งต่อไปจำหน่ายยังร้านค้าปลีกต่างๆ โดยที่ไม่ได้ทำความสะอาด อย่างถูกต้อง!

*ซื้อเครื่องดื่มบรรจุกระป๋อง ชนิดใดก็ตามก่อนดื่มคุณต้องแน่ใจว่าได้ล้างฝากระป๋องด้วยน้ำก๊อก และสบู่แล้วหรือถ้าไม่มีก็ขอให้ใช้หลอดดูดแทน
ท่านนักดื่มเบียร์กระป๋องเปิดฝาแล้วยกซด แล้วน้ำอัดลมด้วย ระวัง!

โปรดส่งข้อความนี้ต่อไป ยังคนที่คุณห่วงใย

ข้อเท็จจริง
โรคฉี่หนูมีชื่อว่า เลปโตสไปโรซิส (leptospirosis) โดยเชื้อที่เป็นสาเหตุเป็นแบคทีเรีย 'เลปโตสไปร่า' (leptospira) โดยชื่อวิทยาศาสตร์คือ Leptospira interrogans

เคยมีรายการต่างประเทศชื่อดังอย่าง Myth Busters ได้ทำการทดลองเรื่องนี้ โดยแพทย์ก็ระบุตรงกันว่า โอกาสที่จะติดเชื้อโรคฉี่หนูจากกระป๋องน้ำอัดลมมีน้อยมาก เพราะเชื้อจะตายอย่างรวดเร็วเมื่ออยู่ในที่แห้ง เมื่อกินเข้าไปมันก็ถูกระบบทางเดินอาหารย่อย (กินในปริมาณน้อย น้อยชนิดที่ว่าตอนติดอยู่บนฝากระป๋องน้ำอัดลมก็ยังไม่มีกลิ่น)

จุดเริ่มต้นของเนื้อหานี้
พบครั้งแรกในปีพ.ศ. 2547  (หรือปี 2002) ในรูปอีเมล์ลูกโซ่ เนื้อหาอีเมล์ที่ส่งต่อ ๆ กันมาก็คือ


Leptospirosis Death Warning - Rat Urine on Soda Can Top


IMPORTANT PLEASE READ: Do Not Delete this message until it is extended to others ..
On Sunday, a family picnic, brought with them few drinks in tin.However, on Monday, two family members( who joined the picnic) were admitted to hospital and placed in the Intensive Care Unit space.One died on Wednesday.

Autopsy results concluded it hit Leptospirosis. The bacteria, known as LEPTOSPIRA interrogans, is stuck to the tin cans, and were drunk, without the use of glasses, cups or sip straws. Test results showed that the soda tin was infected from mice urine, and that had dried, the mice' urine containing Leptospirosis.
It is highly recommended to rinse the parts evenly on all soda cans before drinking it. Cans are usually stored in the warehouse and delivered direct to retail stores without cleaning.

A study shows that the top of all beverage cans are more contaminated than public toilets (full of germs and bacteria.)
So, clean it with water before putting it to your mouth in order to avoid contamination.
PLEASE SHARE FOR THE INFORMATION AND AWARENESS OF ALL,,ESP, YOUR LOVED ONES,

สรุป

  • เชื้อแบคทีเรียของโรคฉี่หนู เมื่อมันแห้ง ตัวมันเองก็ตาย เมื่อกินเข้าไปมันก็ถูกระบบทางเดินอาหารย่อย
  • การจะกินฉี่หนูแล้วเป็นโรคฉี่หนูได้ มันต้องกินเยอะๆชนิดที่ว่า ต้องมีฉี่หนูบนฝากระป๋องน้ำอัดลมมาก ๆ จนกลิ่นฉุน ถ้ามีกลิ่นฉุนบนฝากระป๋องแล้วเรายังยกกระป๋องซด ก็นับว่าฉลาดน้อยเต็มที และถ้าคนขายไม่เช็ดหรือล้างก่อนเอามาแช่ขาย ก็ยิ่งโค ตะ ระ โง่ละครับ
  • ควรล้าง หรือเช็ดกระป๋องก่อนดื่มทุกครั้ง เพราะไม่รู้กระป๋องนั้นผ่านอะไรมาบ้าง (อาจจะมีแมลงสาปวิ่งผ่านฝากระป๋อง)


แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
http://www.hoax-slayer.com/leptospirosis-soda-can.html
http://www.manager.co.th/qol/viewnews.aspx?NewsID=9540000133963
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=611877

กดรหัส ATM กลับหลัง เป็นการเรียกตำรวจ

เนื้อหาที่ส่งต่อ ๆ กันมา / พบตามสื่อสังคมออนไล์ (social media)

เนื้อจะประมาณด้านล่างครับ อาจจะมีการปรับแต่งกันเล็ก ๆ น้อย ๆ

ถ้าคุณถูกบังคับ ข่มขู่เงินจากโจรผู้ร้ายให้กดเงินให้คุณผ่าน ATM
ให้คุณกดรหัสกลับกัน เช่น รหัสของคุณ คือ 1234  แต่ให้คุณกด 4321  แทน
เครื่องจะ ออกเงินมาให้คุณตามจำนวนที่คุณเบิก
โจรจะไม่ทราบ
แต่ตำรวจจะทราบแล้วจะ เข้าช่วยเหลือคุณ
ข้อมูลนี้ถูกเผยแพร่ผ่านรายการโทรทัศน์
และถูกยืนยันว่าวิธีการนี้ถูกใช้น้อยมาก
เพราะว่าคนไม่รู้มี วิธีการอย่างนี้

ข้อเท็จจริง
1. มีคนเสนอแนวคิดในลักษณะนี้มีจริง เริ่มต้นที่สหรัฐอเมริการ แต่ก็ไม่ใช่ให้กลับรหัส ATM แต่เป็นการสร้างรหัสขึ้นมาอีกชุดหนึ่ง และที่สำคัญก็คือ ไม่มีการสร้างระบบนี้ใช้งานในที่ใด ๆ บนโลกนี้เลย
2.ถ้ามีอยู่จริง ป่านนี้ธนาคารก็คงโปรโมทกันยกใหญ่แล้ว เพราะใครๆก็อยากจะใช้บริการทั้งนั้นและเพิ่มยอดลูกค้าด้วย ได้หน้าทั้งตำรวจ ได้หน้าทั้งธนาคาร
3.ผลลัพธ์จากการกดรหัสส่วนตัวแบบกลับกันตามที่อีเมล์ลูกโซ่แนะนำ มันไม่ต่างจากการกดรหัสผิด

จุดเริ่มต้นของเนื้อหานี้
เริ่มต้นมาจากอีเมล์ลูกโซ่ในออสเตรเลีย เนื้อหาดั้งเดิมคือ



If you should ever be forced by a robber to withdraw money from an ATM, you can notify the police by entering your PIN in reverse. For example if your PIN is 1234 then you would put in 4321. The ATM recognizes that your PIN is backwards from the ATM card you placed in the machine. The machine will still give you the money you requested, but unknown to the robber, the police will be immediately dispatched to help you. This information was recently broadcasted [sic] on TV and it states that it is seldom used because people don't know it exists. Please pass this along to everyone possible. Australian Federal Police. AFP Web site: http://www.afp.gov.au

สรุป
การกดรหัสย้อนหลัง ไม่ได้ทำให้เงินออก นอกจากเงินจะไม่ออกแล้ว ตำรวจก็คงไม่รับรู้ และถ้ากดย้อนครบ 3 ครั้ง บัตร atm ถูกยึดแน่นอนเพราะถือว่ากดรหัสผิดครับ

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
http://th.wikipedia.org/wiki/ATM_SafetyPIN_software
http://www.hoax-slayer.com/reverse-pin-ATM.shtml